Bobber Motorcycle History (Harley-Davidson)

    บ็อบเบอร์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันมีจุดกำเนิดย้อนไปถึงช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ในอเมริกาเริ่มมีแนวคิดดัดแปลงรถเพื่อให้เบา คล่องตัว และเร็วขึ้น โดยส่วนใหญ่ใช้รถฮาร์ลีย์-เดวิดสันรุ่น J-Series V-Twin เป็นฐาน จากนั้นก็เริ่ม “ตัด” ชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออก ไม่ว่าจะเป็นบังโคลนหน้า ปลายบังโคลนหลัง ไฟหน้าใหญ่ หรือของตกแต่งที่เพิ่มน้ำหนัก วิธีนี้ในตอนนั้นเรียกว่า “Cut-Down” และถือเป็นรากฐานแรกของบ็อบเบอร์ จุดประสงค์หลักไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่เพื่อให้รถควบคุมง่ายขึ้นในสนามแข่งดินหรือบนถนนลูกรังที่มีอยู่ทั่วไปในสหรัฐฯ



    ต่อมาในทศวรรษ 1930 แนวทางนี้พัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “Bob-Job” คำว่า “Bob” มาจากการตัดหรือทำให้สั้นลง ซึ่งในกรณีนี้คือการตัดบังโคลนหลังให้สั้นคล้ายรถแข่ง Class C ที่ AMA (American Motorcyclist Association) จัดตั้งขึ้นในปี 1933 รถแข่งเหล่านี้มักจะใช้พื้นฐานจาก Harley-Davidson WLDR หรือ WR ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ลงแข่งก็อยากได้สไตล์นี้มาขี่บนท้องถนน พวกเขาจึงดัดแปลงรถของตัวเองให้ดูเหมือนรถแข่ง แต่ยังขี่ใช้งานได้ทุกวัน



    ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮาร์ลีย์-เดวิดสันผลิตรถจำนวนมากเพื่อใช้ในกองทัพ เช่น รุ่น WLA หลังสงครามในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้น 1950 มีทหารผ่านศึกจำนวนมากที่ได้รถเหล่านี้กลับบ้านและเริ่มดัดแปลงมันให้น้ำหนักเบาลงและดูมีเอกลักษณ์ การแต่งบ็อบเบอร์ในยุคนี้นอกจากจะถอดของไม่จำเป็นออกแล้ว ยังเริ่มเพิ่มงานตกแต่ง เช่น การชุบโครเมียม การเพ้นต์เมทัลฟเลกค์ และการใช้เบาะเดี่ยวแบบสปริงเพื่อความเท่และความสบาย เรียกได้ว่าเป็นยุคที่บ็อบเบอร์กลายเป็นวัฒนธรรมย่อยของนักขี่ฮาร์ลีย์ในอเมริกา



    ในทศวรรษ 1960 และ 1970 แม้กระแสช็อปเปอร์จะโด่งดังจากสื่อและภาพยนตร์จนกลายเป็นแฟชั่นหลัก แต่บ็อบเบอร์ก็ไม่เคยหายไป เพียงแต่ถูกมองว่าเป็นสไตล์เรียบง่ายกว่าช็อปเปอร์ที่เฟรมยาวและมีการตกแต่งมาก บ็อบเบอร์ยังคงมีผู้ชื่นชอบในหมู่คนที่ต้องการความดิบ ความกระชับ และความรู้สึกใกล้เคียงกับต้นฉบับของรถ

    หลังจากนั้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา คำว่า “Bobber” กลับมาถูกพูดถึงมากขึ้นในวงการมอเตอร์ไซค์ย้อนยุค ความนิยมนี้เกิดจากกระแสคลาสสิกและการแต่งรถแบบ Old School ที่กลับมาอีกครั้ง Harley-Davidson เองก็หยิบสไตล์นี้มาปรับใช้กับรุ่นใหม่ เช่น Street Bob ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 ซึ่งยังคงความเรียบง่ายและลุคดิบของบ็อบเบอร์ดั้งเดิม แต่เพิ่มเทคโนโลยีและความสะดวกสบายให้เข้ากับการขี่ในยุคปัจจุบัน




    ปัจจุบันบ็อบเบอร์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ผสมผสานความดิบแบบยุคแรกเข้ากับความทันสมัยได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรุ่นสำเร็จรูปจากโรงงานที่คงสัดส่วนและเส้นสายของบ็อบเบอร์ไว้ หรือการเปิดโอกาสให้เจ้าของปรับแต่งต่อได้ตามใจ รถเหล่านี้ยังคงสื่อถึงวิถีของผู้ขี่ที่ต้องการความเป็นอิสระ ความดิบเท่ และความเรียบง่ายเหนือกาลเวลา ซึ่งเป็นแก่นแท้ของบ็อบเบอร์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

ความคิดเห็น